เครื่องตัดเลเซอร์

การพิมพ์เสื้องานซับลิเมชั่น (Sublimation) คือ การพิมพ์ลงบนกระดาษด้วยหมึกซับลิเมชั่น หรือหมึกระเหิด และทำการรีดร้อนลงบนเนื้อผ้า เหมาะกับเนื้อผ้าสังเคราะห์ เสื้อผ้ากีฬา ทุกชนิด เครื่องพิมพ์ผ้าหรือเครื่องปริ้นเสื้อจึงเป็นปัจจัยหลักของงานพิมพ์ลายเสื้อและลายผ้า เช่น สี ความละเอียด ความคมชัด ทั้งหมดนี้จะอยู่ที่เครื่องพิมพ์เป็นสำคัญ

กระบวนการพิมพ์ Sublimation สามารถใช้ได้กับวัสดุโพลีเอสเตอร์ 100% หรือวัสดุที่มีการเคลือบโพลีเมอร์พิเศษเท่านั้น 

การพิมพ์ Sublimation จะใช้ได้ดีที่สุดสำหรับผ้าสีขาวหรือสีอ่อน เพื่อให้ได้ภาพที่มีสีสันสดใส สมจริงด้วยกระบวนการ Sublimation หมึกจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อผ้าเมื่อเทียบกับการพิมพ์แบบอื่นที่เป็นเพียงแค่ชั้นสีที่ติดอยู่บนเนื้อผ้า ซึ่งผลลัพธ์การจะมีความคงทนที่ยาวนานกว่า
เนื่องจากกระบวนการพิมพ์ที่คงทน นอกจากการพิมพ์บนเสื้อผ้าแล้ว ยังใช้ในการผลิต แบคดรอปผ้า อุปกรณ์ออกบูธ ที่ทำจากผ้าพิมพ์อีกด้วย

เครื่องตัดเลเซอร์ มีกี่แบบ?

เครื่องตัดเลเซอร์ในท้องตลาดเวลานี้มีอยู่หลายชนิด ด้วยคุณประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งตัด แกะสลัก ทำมาร์กกิ้ง เจาะวัสดุ รวมถึงการทำ engraving ซึ่งทำให้เครื่องตัดเลเซอร์ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่ตั้งแต่ระดับโรงงานผลิตเรื่อยไปจนถึงผู้ผลิตรายย่อย ด้วยราคาของตัวเครื่องที่ลดลงอย่างมาก จนทำให้ผู้ผลิตรุ่นใหม่ๆ สามารถเข้าถึงระบบการตัดเลเซอร์ได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา

แต่ก่อนที่จะซื้อเครื่องตัดเลเซอร์ เราควรรู้จักประเภทต่างๆ รวมถึงข้อดีข้อเสียของเครื่องตัดเลเซอร์แต่ละประเภทกันเสียก่อน ซึ่งในตลาดทั่วไปขณะนี้จะมีทั้งแบบ CO2 ,Diode และแบบ Fiber บางชนิดใช้กับโลหะ แต่บางชนิดก็ใช้กับอโลหะ เพื่อจะได้เลือกใช้ได้เหมาะสมกับงานของเรา จึงขอแบ่งเครื่องตัดเลเซอร์ตามแหล่งกำเนิดแสงออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. CO2 เลเซอร์

แหล่งกำเนิดแสงของเครื่องตัดเลเซอร์ชนิดนี้จะมาจากหลอด CO2 ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีกำลังอยู่ที่ 30-180 วัตต์ โดยจะมีความยาวคลื่นอยู่ที่ 10600 นาโนเมตร ซึ่งเป็นความยาวคลื่นที่ตาเรามองไม่เห็น จึงไม่จำเป็นต้องใส่แว่นป้องกัน ซึ่งทำให้เลเซอร์ชนิดนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้งานได้ครอบคลุมมากกว่าชนิดอื่น แต่เน้นไปที่วัสดุอโลหะ

 

เหมาะกับงานแกะสลักและตัดวัสดุจำพวกอโลหะ เช่น แผ่นไม้ หนัง พลาสติก
แผ่นอะคริลิค แผ่นยางต่างๆ

2. Diode เลเซอร์

แหล่งกำเนิดแสงมาจากตัว Diode มีขนาดเล็กมาก แต่ก็ให้กำลังที่น้อยกว่า โดยเลเซอร์ชนิดนี้จะให้กำลังเพียง 1-10 วัตต์เท่านั้น โดยที่จะมีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง UV ที่ 405-1080 นาโนเมตร มีลักษณะเป็นสีม่วง-น้ำเงิน ดังนั้นเลเซอร์ชนิดนี้จึงเป็นแสงที่ตามเรามองเห็น เมื่อใช้งานจึงต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างแว่นตาด้วย

ด้วยความที่เครื่องเลเซอร์แบบนี้มีขนาดเล็ก ให้กำลังที่ต่ำ ควบคุมกำลังได้ง่ายกว่า จึงเหมาะจะใช้กับงานแกะสลักที่ต้องการความละเอียดมากกว่างานตัดวัสดุ

 

ซึ่งในปัจจุบันมีการนำมาเครื่องเลเซอร์ชนิดนี้ไปใช้ในวงการแพทย์และคลินิกเสริมความงาม ในการแก้ปัญหาแผลเป็น การจี้ผิว หูด กระต่างๆ บนร่างกาย โดยนำเข้ามาทดแทนเครื่องเลเซอร์ชนิด CO2 แบบดั้งเดิมที่มีขนาดใหญ่และเคลื่อนย้ายไม่สะดวกนั่นเอง

3. Fiber เลเซอร์

เป็นเลเซอร์ที่มีกำลังมากที่สุด แหล่งกำเนิดแสงมาจาก Diode Laser หลายๆ ตัว มารวมแสงกัน ส่งผ่านไปตามเส้นใยไฟเบอร์นำแสง โดยที่แสงของ Diode Laser แต่ละเส้นนั้นจะมารวมกันที่เส้นใยไฟเบอร์เส้นใหญ่นำไปสู่หัวเลเซอร์และปรับโฟกัสให้ไปที่จุดเดียว

เครื่อง Fiber เลเซอร์ ยังสามารถแยกย่อยไปได้อีก 2 แบบคือ Fiber Marking ที่ให้กำลัง 10-50 วัตต์ และ Fiber Metal Cutter ซึ่งจะให้กำลังสูงถึง 1000-5000 วัตต์ เลยทีเดียว

 

เครื่องเลเซอร์ชนิดนี้จึงเป็นเครื่องที่ให้กำลังสูงที่สุดในปัจจุบัน แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่สูงมากด้วยเช่นกัน เหมาะสำหรับงานแกะสลักโลหะ หรือตัดโลหะหนาๆ ได้ และด้วยเหตุที่เลเซอร์ชนิดนี้ถูกพัฒนามาจาก diode เลเซอร์ ความยาวคลื่นแสงที่ใช้งานจะสามารถมองเห็นได้จากตามนุษย์ ดังนั้นผู้ใช้งานจึงต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างแว่นตาด้วยทุกครั้ง

เครื่องตัดเลเซอร์ ตัดอะไรได้บ้าง?

ระบบ CO2 Laser

·        ตัดผ้าที่ซ้อนกันได้

·        ตัด แกะสลัก เจาะ ได้

·        ตัดวัสดุที่เป็น อโลหะ ได้ทุกชนิด

·        ตัดอะคิลิค ไม้อัด ฟิวเจอร์บอร์ด พลาสติก พลาสวู้ด pu pvc หนัง ยาง ไม้mdf และวัสดุอื่นๆ

ตัดอคิลิคทำโคมไฟ , ตัดอคิลิคและไม้ทำถ้วยรางวัลและเหรียญรางวัล โล่ห์ราวัลต่างๆ , ตัดหนังทำกระเป๋า ทำโซฟา เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ , ตัดพลาสติกเพื่อทำป้ายไฟ , แกะสลักลวดลายบนกระจก , แกะสลักลวดลายบนไม้ , แกะสลักลวดลายบนอคิลิค , แกะสลักลวดลายบนขวดแก้วต่างๆ แกะสลักลวดลายบนแก้ว หรือ แก้วเก็บความร้อน-เย็น , แกะสลักลวดลายลงบนวัสดุต่างๆ

 

ระบบ Fiber laser

สามารถตัดโลหะได้ทุกชนิด เช่น ตัดเหล็ก ตัดสแตนเลส ตัดทองเหลือง ตัดทองแดง ตัดเหล็กกล้าคาร์บอน ตัดสังกะสี ตัดแผ่นกัดกรด

ใช้กับงานโครงสร้างหนัก ความแม่นยำสูง ในอุตสาหกรรมหนัก ตัดงานหนา ขอบงานเรียบสวย ทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์